หลังเวลส์แบนพลาสติก ผู้ประกอบการกังวล ต้นทุนภาชนะจะสูงขึ้น
ประเทศเวลส์เพิ่งออกกฎหมายแบนการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2564 นี้ กฎหมายดังกล่าวห้ามการจําหน่าย จ่าย และจัดหาผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ถุงพลาสติก หลอดพลาสติก และภาชนะโฟม เป็นต้น มาตรการนี้ถูกนํามาใช้เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม
ขณะที่มาตรการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากฝ่ายสิ่งแวดล้อม แต่ฝ่ายธุรกิจกลับมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากต้องหาทางเลือกอื่นมาแทนภาชนะพลาสติก ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่า
ภาชนะพลาสติกเป็นที่นิยมอย่างมากในธุรกิจร้านอาหาร เพราะราคาถูก น้ําหนักเบา ทนทาน และสะดวกในการจัดการ ทางเลือกที่น่าจะเป็นไปได้ เช่น โฟมชีวภาพที่ย่อยสลายได้ กระดาษ และเมลามีน ล้วนมีราคาแพงกว่าพลาสติก ดังนั้น ผู้ประกอบการจําเป็นต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุน ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายลดลงได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการบางรายเล็งเห็นโอกาสในวิกฤต โดยมองว่าการเปลี่ยนไปใช้ภาชนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ รวมถึงดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสสําหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่ผลิตภาชนะทางเลือกชนิดต่างๆ ออกมาสู่ตลาด ท้ายที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว ถึงแม้จะมีความท้าทายบ้างในช่วงเริ่มต้น
ในฐานะผู้บริโภค การร่วมมือกันลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งก็จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ อาจมีความไม่สะดวกบ้างในตอนแรก แต่หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน สังคมไทยก็จะก้าวไปสู่การเป็นสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น